[What To Love] Music For The Soul | ดนตรี สร้าง สุข
เมื่อตอนสงกรานต์ไปสหราชอาณาจักรมา...พูดซะเต็มยศ ง่ายๆก็คือ UK นั่นแหละ
มีอย่างนึงที่ได้ไปสัมผัสแล้วทำให้ชอบมากๆ
สิ่งที่เราชอบมากๆนี้ไม่ใช่ผู้คนที่อัธยาศัยดี
ไม่ใช่เมืองที่จัดเป็นระเบียบ ไม่ใช่ตึกที่ออกแบบมาสไตล์ยุโรปเก่าสวยงามตามทาง
ไม่ใช่ความสะดวกสบายของรถไฟฟ้าใต้ดินที่มีสถานีเยอะแยะเต็มไปหมด
ทุกอย่างที่พูดมาเราก็ชอบหมดนะแต่ความชอบของเราครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะหลายๆอย่างรวมกันมากกว่าและเกิดขึ้นที่
“สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน”
หรือ คนส่วนใหญ่จะเรียกกันแบบอัพคลาสหน่อยก็ London Underground / Tube
London Underground หรือ Tube
เป็นหนึ่งในการเดินทางที่คนในลอนดอนใช่กันในชีวิตประจำวัน
ทุกวันคงมีใช้ทู้ปนี่ไม่น้อยกว่าพันคน ยิ่งช่วย Peak Timeของเขาอย่างช่วงก่อน9.30น.แล้วด้วย
อย่าหวังว่าจะได้ยืนสบายๆในรถไฟที่เล็กมากอยู่แล้วของที่นี่เลย
ตอนอยู่ที่ลอนดอน
5
วันเราก็เดินทางไปที่โน่นที่นี่โดยใช้เจ้าทู้ปเนี่ยแหละไปไหนมาไหนสะดวกดีแท้
ไม่งั้นคงไปไหนกันลำบากแย่ พอใช่ทุกวันก็เดินผ่านทุกวัน
ก็มองไปรอบๆตลอดเวลาที่เดินไปชานชาลา
ขึ้นลงโน่นนี่เปลี่ยนสายรถไฟกันสนุกสนาน(แต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ค่อยสนุกด้วยนะ
เดินเยอะไป) และสิ่งนึงที่เราเห็นทุกวันของการลงใต้ดินนี้คือ Buskers หรือ
พวกนักดนตรีที่เล่นตามสถานีต่างๆทั่วลอนดอน
Buskers at London Underground station |
ครั้งแรกที่เห็นคือสนใจมากได้ยินพวกเสียงดนตรีนี่มาแต่ไกลเลยนะเป็นเพราะอยู่สถานีใต้ดินด้วย
เวลาเล่นอะไรก็จะเสียงสะท้อนกันหมด นักดนตรีที่เราเห็นส่วนมากจะเล่นกีต้าบ้าง
คีย์บอร์ดบ้าง ไม่ค่อยมีใครมายืนร้องอย่างเดียว
ส่วนมากจะมีเครื่องดนตรีติดตัวกันมาแล้วก็ร้องเพลงไปด้วย
แต่พวกที่เล่นดนตรีอย่างเดียวก็เยอะอยู่
และฝีมือทุกคนไม่ใช่เด็กๆนะถือว่าเป็นนักดนตรีมืออาชีพกันเลย เอนเตอเทนคนเก่งมาก
ผู้คนส่วนใหญ่ก็เดินผ่านไปแบบไม่ได้หันมามองสนใจอะไร แต่ก็มีหลายคนที่หันมามอง
มายิ้มให้นักดนตรี หรือบ้างก็ให้สินน้ำใจเล็กๆน้อยๆเป็นกำลังใจให้คนที่มีความสามารถพวกนี้
เราก็เป็นหนึ่งในนั่นที่สนใจและชื่นชมมากๆ
Buskers ถือเป็นหนึ่งในสีสันของรถไฟใต้ดินที่ลอนดอนที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่แถมสร้างความบันเทิงให้กับการเดินทางไปทำงานที่เคร่งเครียดหรือไปไหนมาไหนให้กับคนทุกคนอีกต่างหาก
คนที่มาเล่นมีทั้งผู้หญิงผู้ชาย คนหนุ่มสาวบ้าง คนมีอายุบ้าง
มาคนเดียวหรือมาเป็นคู่เป็นกลุ่มก็มีเยอะแยะ
แต่ทุกคนก็มาเพราะมีความฝันกันทั้งนั้น
สิ่งที่เขาได้รับไม่ใช่แค่เงินที่ได้จากคนดู(จริงๆก็ได้ด้วยนะ
แล้วรู้สึกเงินดีมากๆ)แต่เป็นประสบการณ์ที่ได้เล่นต่อหน้าคนเยอะๆ สร้างความบันเทิง
สร้างสีสัน และไม่ได้แบ่งแยกว่าเพื่อใครหรือเพื่ออะไร
มีคืนนึงกำลังจะเดินจากชานชาลา
มุมตรงหน้าทางขึ้นบันไดเลื่อนก็มีคุณลุงคนนึงกำลังเล่นคีย์บอร์ดอยู่
เราก็หันไปมองเหมือนทุกครั้งแต่ก็ไม่ได้ให้เงินเพราะตอนนั้นไม่มีเหรียญเลย และสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงโยนเหรียญใส่ที่ใส่เหรียญของนักดนตรีแล้วพูดกับเขาว่า
“Nice job!” ...บุคคลคนนั้นหล่อขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
หล่อในที่นี้ไม่ใช่เพราะหน้าตา แต่เพราะใจพี่หล่อมาก(Clicheมากที่พูดงี้แต่มันเป็นเรื่องจริง)
ตอนที่เราเห็นนี่คือปลื้มมาก ชอบมาก และเห็นว่าน่ารักมาก ส่วนหน้าของนักดนตรีคนนั้นก็ยิ้มไม่หุบ
บางทีแค่คำพูดเล็กๆน้อยๆและการinteractของเรากับคนอื่นนิดหน่อยก็ทำให้โลกนี้มีความสุขและน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนะเราว่า
เหมือนกันกับสองคนที่เราพูดถึง เขาเป็นแค่คนแปลกหน้ากัน ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แต่เขาก็ไม่ใช่แค่หันมองกันและไม่สนใจกัน
แต่เขาเลือกทำให้ช่องว่างของคนแปลกหน้านั้นเป็นช่วงเวลาที่ดีของกันและกันได้
0 ความคิดเห็น: