[Photo Blog] Jim Thompson Farm | เยือนอีสาน จิมทอมป์สันฟาร์ม ทุ่งดอกไม้

00:27 Unknown 0 Comments


วันนี้เอารูปที่เพิ่งไปล้างฟิล์มมาให้ดูกัน เป็นฟิล์มที่ดองมาตั้งแต่ธันวาปีที่แล้วเพิ่งจะเอาไปล้างเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา 

เมื่อปีที่แล้วเราไปจิม ทอมป์สัน ฟาร์มที่โคราชตอนช่วงที่เขาเปิดให้เข้าชมมาค่ะ
ปกติจิม ทอมป์สันฟาร์มจะไม่เปิดให้เข้าไปชมเหมือนอย่างฟาร์มโชคชัยนะ จะเปิดแค่ช่วงปลายปีช่วงเดียว ปีที่แล้วชื่องานคือ "มังมูน บุญข้าว 2015" จิม ทอมป์สัน ฟาร์มทัวร์ 2558 ข้างในฟาร์มจะมีจุดที่รถจะจอดให้ลงไปชมถ่ายรูปเล่นอะไรก็ว่าไปอยู่ 5 จุด มีทุ่งคอสมอส ลานฟักทองและทุ่งดอกทานตะวัน หมู่บ้านอีสาน​ที่จำลองชีวิตคนในพื้นที่ หมู่บ้านจิที่จัดให้ชมการผลิตผ้าไหม และ ตลาดจิมที่ให้เลือกซื้อสินค้าอย่างเช่นผ้าไหมหรือผักผลไม้จากฟาร์มค่ะ













ตรงนี้เป็นส่วนของหมู่บ้านจิม จะเอาไหมมาประดับเป็นซุ้ม สวยมาก



ด้านข้างตลาดจิมจะมีจุดซื้ออาหารอีกจุดนึงค่ะ (จุดแรกอยู่ที่หมู่บ้านอีสาน) ถ้าเดินไปข้างๆหน่อยจะมีแปลงคอสมอสอยู่อีกแปลงนึง ตอนเราไปไม่ค่อยมีคนเดินไปเท่าไหร่ ผ่านรูปออกมาเหมือนอยู่คนเดียวในทุ่งเลย คือดีมาก

 



ปีนี้ทางจิม ทอมป์สัน ฟาร์มก็กำหนดวันเปิดเข้าชมฟาร์มแล้วนะคะ 
งานปีนี้ชื่อว่า "คักแท้แท้ แพรอีโป้ มหัศจรรย์ผ้าขาวม้า" 
เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม 2559 จนถึงวันที่ 8 มกราคม 2560 

CAMERA: PENTAX K1000
FILM: NATURA 1600 & EKTRA 100
LOCATION: JIM THOMPSON FARM, NAKORN RATCHASIMA, THAILAND
DATE: 2015-12-28

-THANK YOU-





0 ความคิดเห็น:

[Travel Diary] Finally, Seoul #4 | โลคอลไกด์ ทงแดมุน นัมซานทาวเวอร์ รอบที่ล้าน

02:58 Unknown 1 Comments


Travel Diary ณ กรุงโซลบล็อกสุดท้ายยย
กว่าจะลงครบทุกวันแปปๆเราก็...จะครบรอบปีของการไปทริปพอดี (ฮาาาาาา)

วันที่สี่ของทริปนี้ ไม่ได้มีแพลนจริงจังว่าจะไปไหนดี รูปน้อยมากเพราะเริ่มขี้เกียจค่ะ
ตอนเช้าเรากับพี่ก็เดินทางไปที่ห้างCoex (นั่งไปลงที่สถานี Samseong) ที่ไปที่นี่เพราะกะว่าจะไปเดินซื้อของโน่นนี่เพราะจำได้ว่ามีร้านเครื่องสำอาง มีArtbox มีร้านซีดีอะไรงี้ แต่พอไปถึง................งงเป็นไก่ตาแตกเลยค่ะ ที่นี่คือที่ไหน คือร้านมันเปลี่ยนไปหมดเลยจ้า ห้างก็renovatedข้างในใหม่หมด โครงสร้างเดิมแต่ขอใช้คำว่าไม่มีเค้าเดิมเลยซักนิด นี่เราไม่ได้มาที่นี่แค่ 3 ปีเองนะ ทำไมห้างที่เราโปรในการเดินมาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้... สรุปก็เดินมั่วค่ะ หลงไปหมด หาร้านไม่เจอ เดินไม่เป็น 
ประเด็นของการมาที่นี่คือ...เรานัดเพื่อนเราให้มาเจอกันที่นี่ พอโทรหาเพื่อน ให้ทายยยยย เพื่อนก็หลงเหมือนกันจ้าาาา! (เดี๋ยวๆนี่พวกแกเป็นคนเกาหลีพวกแกบ้านอยู่โซล ทำไมพวกแกหลงในห้างนี้ได้วะะะ) เป็นการรวมตัวของคนที่ไม่อยู่โซลกันในระยะสองสามปีนี้เลย คนนึงเพิ่งเรียนจบกลับมาจากลอนดอน อีกคนนึงก็อยู่ในกรม(นี่ก็ขอleaveและออกมาหาเพื่อน)อยู่โซลก็เหมือนไม่อยู่ 

สรุปการมา COEX นิดนึงค่ะก่อนย้ายไปทงแดมุนเนอะ
ห้างสวยงาม สว่างๆ(แต่ก่อนไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่) จัดร้านดีงาม ร้านเสื้อผ้าน่าเข้าน่าเสียเงินแต่เงินไม่มี ใครที่ไม่รู้จะไปเดินไหนอยากได้เสื้อผ้าเก๋ๆแบรนด์เกาหลีหน่อยก็มาที่นี่ แต่ที่นี่ไม่ถูกนะไม่เหมือนพวกร้านเสื้อผ้าตรงทงแดมุนหรือพวกหน้ามหาลัยอะไรงี้ นอกจากร้านเสื้อผ้าก็มีโรงหนัง อควอเรียม และที่ขาดไม่ได้เลยคือมี SM TOWN (SUM) @ COEX ARTIUM 

SM TOWN (SUM) @ COEX ARTIUM เป็นสถานที่สำหรับติ่ง SM TOWN โดยเฉพาะ โซนนี้ก็เป็นสิ่งที่โผล่มาในช่วงสามปีของการที่ไม่ได้มาโซล ตื่นตาตื่นในเล็กน้อยเพราะเป็นติ่ง SM TOWNรุ่นแรกๆ ตอนนี้เฉยๆเพราะโอปป้าเข้ากรมกันหมดละ ถ้าเป็นแต่ก่อนมั่นใจมากว่าจะเสียตังไปเยอะมากกกกกกก (รู้สึกภูมิใจในตัวเองเล็กน้อยที่ไม่ติ่งหนักแล้ว // ไปติ่งอย่างอื่นแทน) ในตึกมี 6 ชั้น แต่ละชั้นเป็นที่เสียตังกันคนละแบบ ชั้นนึงเป็นขายOfficial Goods เป็นสตูดิโอถ่ายรูป เป็นคาเฟ่ เป็นTheatre ส่วนตัวเราชอบที่เค้าตกแต่งตรงข้างบันได เอารูปศิลปินมาติดงี้ ทุกคนน่ารักมาก ติ่งละลานตาสุดๆไม่ว่าจะเป็น Super Junior, Girls' Generation, TVXQ, SHINee, f(x), EXO หรือ Red Velvet 

จบจากCoexที่ไม่ได้อะไรนอกจากหลง เราก็นั่งรถเมล์มาลงที่ทงแดมุนเพราะคำนวนกันแล้วว่ามันถูกกว่านั่งรถไฟใต้ดินไปและไม่ต้องเดินเมื่อยเปลี่ยนสายไปมาด้วย นั่งไปก็ง่วงไป หลับไปหลายตื่น ก็มันไม่ใช่ใกล้ๆนะเว้ยจากSamseongไปDongdaemunเนี่ย

พอถึง Dongdaemun ที่แรกที่ไปคือ Dongdaemun Design Plaza (DDP) ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาาาาา
โลคอลไกด์ของเราสองคนเป็น โอปป้า กับ อนนี่ ที่เดินไปก็บ่นไปมา...จะมาทำไมวะ *พูดเสียงภาษาไทยโนซับไตเติ้ล* (ฮาาาาาาา)



ถึงจะบ่นแต่ก็พาเดินนะไปรอบๆนะ แต่ที่พาเดินไม่ใช่รักเพื่อนหรืออะไร(มีการหันหน้ามาบ่นตลอดเวลาอยู่)...แต่มีความเกรงใจพี่สาวของเพื่อนที่ไม่เคยมา 
เดินวนหาทางไปมุมกุหลาบซักพักก็เจอ ผ่านตรงนี้ก็เจอละ

ที่เราอยากมาเพราะอยากไปถ่ายรูปตรงกุหลาบLEDที่DDP แต่...ก็ต้องผิดหวังเล็กน้อยเพราะดงกุหลาบของเราไม่หวือหวาเยี่ยงที่จินตราการเลย มันต้องรอตอนกลางคืนให้เค้าเปิดไฟอ่ะ แต่เราดันไปตอนฟ้าสว่างขนาดนี้...ไม่สวยเว่อร์วังก็ไม่แปลก

ถ่ายselfieคนเดียวไม่มีการเรียกเพื่อนเรียกอะไรไปถ่ายด้วยเลออออ
จริงๆมันก็สวยดีแหละเพราะช่วงเย็นอาทิตย์กำลังตก



หลังจากถ่ายรูปเล่นกันเรียบร้อย พวกเราก็ตัดสินใจไปฝั่งตรงข้ามพวกห้างร้านเสื้อผ้าอะไรประมาณณณ เราให้พี่สองคนไปเดินช็อปส่วนเรากับเพื่อนนั่งรอที่คาเฟ่แถวๆนั้น คุยโน่นนี่ เม้าเรื่องเพื่อนคนอื่นกันไป แต่นั่งได้ซักพักโอปป้าเราก็ถึงเวลาต้องกลับเข้ากรมตำรวจแล้ว มีความดราม่าเล็กน้อยว่าเสียใจไม่มีใครมาเยี่ยมและขอบคุณที่มาเยี่ยมเรา เราซึ้งใจจริงๆ (เดี๋ยวๆเป็นเอเลี่ยนสามตาหรอพูดแบบนี้) 

เนื่องจากอย่างที่บอกว่าพี่เราไม่เคยมาเกาหลี...สิ่งที่ต้องไปอีกที่นึงในโซลที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็น
*เสียงรัวกลอง* SEOUL TOWER หรือ NAMSAN TOWERนั่นเองข่าาาาาา แต่จากDongdaemunเรานั่งแท็กซี่กันไปที่นัมซานเลยเพราะมันสะดวกสุด จริงๆไม่ได้ตั้งใจจะขึ้นไปจนถึงนะตอนแรกกะแค่เดินไปตรงกำแพงเก่าที่ภูเขาแทนเพราะเพื่อนดูรีวิวจากในเว็บมา 

เพราะเราจะไปหากำแพงตรงทางขึ้นเขา เราเลยเดินกันค่ะ นับว่าเป็นการขึ้นนัมซานรอบที่ 6 (ไปบ่อยกว่าไปวัดพระแก้วอีก) ใครมาก็บอกให้พามา...หกรอบ ทุกรอบเป็นการขึ้นเขาที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่เคเบิ้ลคาร์ นั่งรถเมล์ เดิน ทั้งลงทั้งขึ้น ทำมาทุกทางแล้วค่ะ โปรมาก ฮาาาาาา 

มุมนี้ๆ เป็นมุมที่ถ่ายละครเรื่อง My Lovely Sam Soon
(บางคน...หรืออาจจะหลายคนไม่น่าจะรู้จักนะ มันเก่ามาก เป็นซีรีย์ยุคแรกๆ ดักแก่มากๆ)
พอเดินมาซักพัก...ก็ได้รับรู้ว่า กำแพงปิดบูรณะ -_- 

พอขึ้นมาเจอป้ายกันขนาดนี้...จะเดินลงก็ใช่เรื่อง เราเลยเดินขึ้นเขาไปหาทาวเวอร์นั่นแหละ อุตส่าห์ขึ้นมาขนาดนี้แล้ว
"ช่วยดูหน้าพี่ด้วยว่าพี่ไหวไหม ถามพี่ด้วยว่าพี่อยากปีนขึ้นไปไหม" พี่ไม่ได้กล่าว
สังเกตที่ขาเพื่อนนะ เจ็บขายังอุตส่าห์พาขึ้นมา (-_-)
แต่ก่อนเราเคยเดินลง...นี่เป็นครั้งแรกที่เดินขึ้นทางนี้ โคตรรรรรรรรรรรรรร เหนื่อย
เดินมาไม่รู้ว่าครึ่งทางตอนไหนอ่ะ แต่โคตรเหนื่อย เหนื่อยมาก ยังดีที่อากาศไม่ร้อนไม่หนาว...แต่จริงๆเดินจนจากหนาวเป็นร้อนอ่ะ
รอพี่ด้วยยยยยยยย
ถ้าถามว่าพี่เหนื่อยไหม...หลักฐานอยู่ที่รูป 
เดินมาจนถึงจุดที่มีเคเบิ้ลคาร์ พี่หันมาถามเรากับเพื่อนว่า...ทำไมแกไม่ให้ชั้นขึ้นเคเบิ้ลคาร์ตั้งแต่แรกวะ
"น้องขอโทษษษษษษษษษ"

เพื่อนขำความเหนื่อยของสาวเหนือของเรา
แต่เดินขึ้นมาก็มีอะไรดีดีนะ หันไปทางซ้ายสิ

เราว่ามุมนี้ของเมืองสวยดี โดนกิ่งไม้บังนิดหน่อยก็มีความอาร์ตดี
โซลลลลลลลล
อีกมุมนอกจากมุมซ้าย...เงยหน้าขึ้นสิ :)
โซลทาวเวอร์ไงจะอะไรหล่ะะะะะ
ฮึบบบบบบบบบบบ
สวัสดีโซล/นัมซานทาวเวอร์รอบที่....6 ง่ายๆคือมาเกาหลีกี่ครั้งเราก็มาทุกครั้ง ㅠㅠㅠㅠ ครั้งหน้าไม่ไปแล้วนะ

คือเรามีเรื่องเล่า คือตอนครั้งแรกที่เรามากับน้องสาว เราก็นั่งรถแท็กซี่มาลงตรงทางขึ้นเคเบิ้ลคาร์ นี่ก็มั่นใจกันมากบอกปลายทางกับคนขับว่า "Seoul Tower" คนขับหันมาทำหน้างงใส่...แบบ"ห๊ะ อะไรนะ" หลายรอบมากจนแทบจะเรียกรถคันอื่น จนหันไปรอบๆตัวเจอทาวเวอร์อยู่ก็ชี้ให้คนขับดู แกก็..."อ๋ออออออออออ ​Namsan Tower *สำเนียงเกาหลี* " เป็นการฉะนี้ค่ะ...หลังจากนั้นเราก็เรียกนัมซานๆ แต่พักหลังเวลาไปเราเรียกนัมซาน...คนเกาหลีจะตอบกลับมาว่า "อ๋อออออ Seoul Tower" (จะเอายังไงกับชั้นกันแน่คะะะะะ)

ถ่ายรูปทาวเวอร์เรียบร้อยก็ถึงเวลาลง... พี่รีบหันมามองสองคนเพื่อนกับเราว่าไม่เดินแล้วนะ ไม่เดินแน่ๆ จะลงเคเบิ้ล เราเลยซื้อตั๋วขาเดียวลงเคเบิ้ลคาร์กันไปปปป แต่พอลงมาแล้วถึงเวลากินพอดี เพื่อนแนะนำให้กินทงคัตสึเพราะแถวๆนัมซานทงคัตสึอร่อยมาก (ทงคัตสึเหมือนของญี่ปุ่นแหละ แต่ว่าชิ้นจะเล็กกว่า) พี่เราบอกอยากกินอะไรที่มันอิ่มๆท้อง...สรุปจบที่การเดินจากนัมซานลงไปเมียงดงเพื่อกินSamgyeopsalอีกหนึ่งรอบก่อนหมดวัน ร้านที่กินSamgyeopsalอันนี้อร่อยมากกกกก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาอีกเช่นเดิมเพราะขี้เกียจหยิบกล้อง

ในที่สุดก็มาถึงวันสุดท้ายแล้วววว ขอจบบล็อกการเที่ยวเกาหลีที่ดองการอัพบล็อกมาจนเกือบจะครบรอบหนึ่งปีของการไป 
ขอบคุณพี่เอฟ พี่แนน ที่ทำให้น้องได้ไปเกาหลีในรอบสามปี ไปหาเพื่อนไปกินไปเดิน
ขอบคุณเพื่อนสองคนคิมกับซึลกิที่ไม่เจอกันมายาวนานสามปีเช่นกัน (เพื่อนอ่านไม่ออกแต่จะพิมพ์ไทย)
ขอบคุณแม่มี๊ที่ให้หยุดงานไปพาพี่สาวติ่ง
ขอบคุณทุกคนที่กดเข้ามาหรือผ่านเข้ามาในบล็อกไร้สาระอันนี้

TIPS:สำหรับการขึ้นSeoul Tower 
ใครที่เวลาเยอะอยากเดินเล่นงบน้อยชมวิว...เราแนะนำให้เดินขึ้นนะ เราว่ามันสนุกดี
ใครไม่อยากเมื่อยและมีทุนทรัพย์ที่เพียงพอ...เราแนะนำให้ขึ้นเคเบิ้ลคาร์ มันมีขายแบบไป-กลับด้วย จะถูกกว่าขาเดียว
ใครที่มาจากที่อื่นของมุมเมืองโดยที่นั่งรถบัสมา...เราแนะนำให้นั่งมาลงที่ป้ายแถวตีนเขาและรอรถบัสพาขึ้นเขาอีกที รถจะจอดที่จุดสูงสุดที่รถจะไปได้และคุณก็ต้องเดินขึ้น(อยู่ดี)  ฮาาาาาาา แต่จะเดินคนละแบบกับเดินบันได ระยะสั้นกว่า มันคือการเดินทางลาดไม่ชันมากแต่ขาแข็ง (เอ๊ะยังไง)


-THANK YOU-





1 ความคิดเห็น:

[Place to Eat] Tree Tales | ทรีเทลส์ ณ พัทยา บลั๊นช์ในสวนกับน้องหมาแมว

09:08 Unknown 0 Comments

ตื่นเช้ามา จะมีอะไรให้นึกถึงอีกนอกจากของกิน และไม่ใช่ร้านที่เดินออกมาจากห้องแล้วพุ่งตัวเข้าเลย คือต้องเป็นร้านที่เราอยากมากมากแต่ระยะทางการไปกับความหิว...ก็สู้กันตลอดทางที่ขับไปที่ร้าน

บล็อกที่สัญญาไว้ตั้งแต่เดือนที่แล้วจนตอนนี้เกินเดือนละ
วันนี้จะมาแนะนำร้านอาหาร/บลั๊ช/ขนม (เดี๋ยวคือต้องเรียกว่าไร) ร้านอาหารแหละเนอะ
เราจะมารีวิวร้าน TREE TALES กัน

Tree Tales มีสองสาขาค่ะ สาขาที่เราไปอยู่บนถนนพัทยา-นาเกลือ ตรงข้ามซอยนาเกลือ10
สาขานี้เรียกว่า Tree Tales "Garden Recipes" น่าจะเพราะที่นี่ตกแต่งร้านแบบมีต้นไม้โน่นนี่และสามารถนั่งข้างนอกopen airได้ เหมือนเดินเข้าไปในสวนลับเบาๆพอดูจากหน้าร้าน
หน้าร้าน

เรากับเพื่อนเลือกนั่งโต๊ะข้างนอกเพราะวันนั้นอากาศไม่ร้อนมากเย็นๆฝนตกปอยๆ แถมยังเช้า(เช้าหรอ...คือไปถึงก็เกือบ11โมงละไง ฮาาาา)อยู่เลยนั่งรับลมธรรมชาติดีกว่า 
จากที่โต๊ะไปหน้าร้าน
ร้านจัดน่ารักมากมากมากมาก หรือเราอาจจะเป็นพวกเครซี่โอเวอร์พวกไม้ๆต้นไม้ๆอยู่แล้ว พอเดินเข้าไปนี่กรี้ดเลย จริงๆเป็นคนบอกให้เพื่อนนั่งข้างนอกด้วย 

เมนูของหวานคือสิ่งที่เรารอคอยยย เดี๋ยวๆๆ ยังไม่ได้กินข้าวเช้านะ
อันนี้อาหารเช้า
นั่งโต๊ะปุ๊ปเปิดเมนูปั๊ป หน้าแรกที่เปิดนี่ไม่ต้องถามว่าคืออะไร....ของหวานค่ะ! 
มีเมนูพวก Brunch ให้เลือกโน่นนี่ มีแซนวิช, Egg benedits อะไรอีกมากมายพูดไม่หมด ถ่ายเมนูมาแค่นี้ค่ะ

พอสั่งอาหารเสร็จก็เอากล้องออกมาถ่ายรอบๆตัว โต๊ะทางขวาเป็นครอบครัวคนญี่ปุ่น น่าจะอาศัยอยู่แถวนี้แหละ มีต่างชาติเดินเข้าออกร้านเยอะมาก เหมือนเป็นพวกที่บ้านอยู่แล้วนี้ละเดินมากินอาหารเช้ากัน น่ารักดี 

โอ๊ะ!
มาแล้วๆ ตาฟ้าสวยยยย
 ถ่ายร้านต่อได้รูปนึงเจ้าถิ่นก็มาาาาาาา นางชื่อบรูเล่ (น่าจะมาจากCreme Bruleeแหละ) 
นอนแหมะ!
เดินมาถึงที่โต๊ะแล้วก็มานอนแหมะอยู่ข้างๆ เหมือนออกมาต้อนรับ ไม่กลัวคนไม่สนใจคนเท่าไหร่ เป็นฮัสกี้ตัวดำๆ สงสัยไปแอบเล่นที่ไหนมาแล้วไม่ยอมอาบน้ำ 

เครื่องดื่มเป็นประเภทแรกที่มาเสิร์ฟก่อนค่ะ

ของเราเป็นชาชื่อ Love Potion จะเป็นชากุหลาบ ส่วนของเพื่อนเป็นน้ำตะไคร้อัญชัญ ชื่อ Magical Herb ขนาดชื่อน้ำยังน่ารักเลยอ่ะ คิดดิ มีความครีเอทีฟตั้งชื่อ
 Love Potion 
Magical Herb
ของเพื่อนอีกคนชื่อ Summer Passion น้ำเสาวรสโซดา
เราปล่อยให้คุณบรูเล่นอนเล่นข้างโต๊ะรออาหารและเฝ้าโต๊ะแทนแล้วไปเดินถ่ายรูปเล่นรอบร้านก่อน
ร้านจัดได้น่ารักมากจริงๆ โต๊ะยาวๆตรงกลางนี่น่ามีมุมแบบนี้ในบ้าน ข้างในร้านก็ไม่ร้อนนะ มีลมผ่านตลอด ส่วนข้างหลังร้านถ้าเดินหน่อยจะเป็นโรงแรม ต้นไม้เยอะเหมือนกัน

มีตู้เก็บจานไว้โชว์ ใส่คละสีก็สวยดี
กลับมาที่มุมโต๊ะยาว
ดีเทลตรงเก้าอี้ตรงโต๊ะนี้น่ารักมาก มันเป็นเหมือนโมเสกเบาๆเล่นสี 
พื้นกระเบื้องงงง
บอกแล้วว่านี่มันน่ารักมากมาก เราเป็นพวกบ้าอะไรแบบนี้อยู่แล้ว อย่างการจัดร้านสีร้านโต๊ะไม้ยาวๆกับพื้นกระเบื้องงี้อีก ฮรือออ น่ารักมาก มุมถ่ายรูปเยอะมากนะ ใครชอบหามุมถ่ายรูปลงอินสะตาหรืออะไรมาเลยค่ะดีงามไปหมด (แต่มาสั่งของเค้ากินด้วยนะไม่ใช่มาแต่ถ่ายรูปนาาา)
กำแพงหน้าห้องน้ำ อีนี่ก็จะถ่าย
ถ่ายเข้าในร้านจากด้านหลัง
สองคนนี้ก็ถ่ายรูปหามุมกันตลอดเวลา
เดินมาถ่ายด้านในร้านแบบไม่มีใครเฝ้าโต๊ะกันเลย ของเขิงวางไว้ไม่สนใจ (ฮาาาาาาาาา) แต่ของไม่หายหรอก พี่พนักงานเค้าดูอยู่แล้ว (ไว้ใจคนง่ายมาก)

พอเดินกลับมาที่โต๊ะ...เจอแบบนี้
บรูเล่นอนเฝ้าจริงๆหลับตานอนสบายเลย
โอ๊ะ! ลืมตาแล้ว
มองบนพี่ขนาดนี้คืออะไรคะบรูเล่ พี่ไม่โอเค (ฮาาาาา)
หลังจากโดนดุ นางก็ทำหน้าอ้อนงี้ 
แลดูเหมือนบรูเล่มีความรำคาญอีพวกมนุษย์พวกนี้บ้าถ่ายรูป ถ่ายกันนานมากกว่าจะกลับมาที่โต๊ะ แต่อาหารก็ยังไม่มานะเลยปล่อยบรูเล่เฝ้าโต๊ะไง

อย่างแรกที่มาเสิร์ฟก่อน...ไข่เจียว!! ก็แย่ละะะะะะ (พยายามจะหาชื่อเรียกจริงๆมาบอกแต่...ที่จดไว้หายไปแล้ว! สรุปก็ไข่เจียวแหละเนอะ)

ข้างในมีแฮม ชีส ผัดสองสามอย่างละก็เจียวค่ะละก็ทอดค่ะ สรุปเป็นไข่เจียวที่อร่อยค่ะ รสชาติกลมกล่อมอยู่แล้วไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติมมากมาย อาจจะขอจิ้มซอสมะเขือเทศซะหน่อยตามสไตล์การกินของคนไทยที่ติดกินทุกอย่างแล้วต้องจิ้ม


จานที่สอง สิ้นคิดแต่ไม่สิ้นรส (อูววววววววว) ข้าวกระเพราหมูสับไข่ดาว
จานนี้ถือว่าอร่อยเลย ชอบมาก คือเพื่อนตอนแรกกะสั่งBrunchฝรั่งๆเก๋ๆ แต่ก็หยุดไม่ได้ที่จะสั่งข้าวเพราะหิวมากกกกกกกกกก

เราสั่ง ​Chicken Club Sandwich มาเป็นขนมปังยาวและเคียงpotato wedge 
สิ่งนี้เกือบจะเป็นเมนูสิ้นคิดแต่พอเจอข้าวผัดกระเพราอันก่อนหน้าเข้าไป...แพ้เลยค่ะ อร่อยนะ ให้พวกไก่เบคอนไข่ไรงี้เยอะมาก พูดง่ายๆคือกินไม่หมด (คนอื่นอาจหมดแต่เราไม่) 

สังเกตคนข้างๆกินจะหมดละะะะะ นี่เพิ่มเริ่มไปคำเดียว
พอกินไม่ไหวแล้ว...(ไม่ได้บอกว่ากินเสร็จนะ ฮาาาา คือกินไม่หมดอ่ะ)ก็ดูร้านด้านใน มุมกาแฟ ตู้เค้ก ที่นั่งด้านในก็น่ารักดี มีชั้นสองด้วยแต่เราไม่ได้เดินขึ้นไปดู


เปิดประตูเข้าไปก็จะเจอเคาน์เตอร์ที่เป็นเหมือนstationทำขนม ทำเครื่องดื่มอะไรประมานนั้น กระดานดำด้านหลังน่ารักมีวาดๆเมนูวันนี้


 จานเจินอะไรน่ารักไปหมด เป็นคนชอบอะไรแบบนี้อ่ะ แล้วเคาน์เตอร์ที่เอาแผ่นหินอ่อนมาทำก็สวยมาก เ
มีเค้กเยอะมาก เค้กแครอท ชีสเค้ก ทิรามิสุ
 ขาดไปไม่ได้ก็คงเป็นตู้เค้ก นี่ยืนก้มๆมองๆนานมากจนพนักงานที่จะมารอรับออเดอร์เดินไปทางอื่น เพราะรู้ว่าคงอีกนานกว่าจะสามารถเลือกได้ว่าจะกินอะไร

ถ้าใครมาแล้วนั่งด้านใน(เผื่อวันอากาศร้อน)ก็โอเคนะ จัดข้างในน่ารักสบายๆcozyนิดๆ ประมาณว่านั่งแล้วไม่เกร็ง

เมื่อภารกิจการเดินดูร้านจบ (จริงๆเดินดูเค้ก) ก็มีเป้าหมายใหม่

พอดีได้ยินเสียงร้องเลยเดินตาม ละมาเจอออออ นางชื่อนวลนาฐ​ (ไม่รู้สะกดยังไงนี่มั่วเองให้มันดูมีอะไร)

มีความอ้อนนนนน
ตอนแรกไปเจออยู่ข้างร้านตรงที่จอดรถ...แหะๆ ก็ไปหาสิคะ แล้วก็เลยอุ้มมาที่โต๊ะ คนโต๊ะข้างๆสองคนคือมองแบบเอิ่มๆ
มาเล่นกัน มาเล่นกัน

และภารกิจก็เสร็จสิ้น จับนางมานั่งเล่นบนตักได้ น่ารักมาก ตัวยวบยาบ แต่ก่อนเราเป็นคนที่เกลียดแมวสุดชีวิต ไม่ค่อยสิ่งมีชีวิตนี้เท่าไหร่เพราะนางไม่สนใจโลกมากเกินไป แต่มีเพื่อนคนนึงรักแมวแบบแถบจะถวายชีวิต...สรุปend upบ้าแมวไปเลยค่ะ เจอแล้วต้องพุ่งตัวเข้าใส่ 

ภารกิจตามล่าหาแมวจบ แต่ภารกิจการกินไม่จบ...สั่งเพิ่มอีกหนึ่งอย่าง ซี่โครงหมูบาบีคิวหรือซอสอะไรซักอย่าง รสชาติซอสอร่อยดี แต่เราว่าอันนี้ยังต้มหมูไม่เปื่อยเท่าไหร่ ยังไม่นิ่มอ่ะ หมักยังไม่ค่อยเข้าเนื้อด้วย

หมดไหมคะ ถามใจตัวเองดู

ก่อนออกจากร้านก็ขออีกซักสองรูป

โต๊ะด้านหน้าติดกระจกมองออกไปทางถนน มีต้นไม้ใส่กระถางวางเยอะแยะ
หมดการพาชมร้าน Tree Tales 'Garden Recipes' เท่านี้ค่าาา
ใครที่ไปพัทยา ไม่รู้จะไปกินร้านไหนดี เราแนะนำร้านนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกนะ ไปนั่งเล่นนั่งกิน ไปหาบรูเล่กับนวลนาฐด้วย 

Facebookของร้าน >> Tree Tales 'Garden Recipes'
Mapตามด้านล่างที่เราเอามาลงไว้ให้

-THANK YOU-

0 ความคิดเห็น: